วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

แบ่งปันโภชนาการภาค 3 นมวัว นมแพะ และโยเกิร์ต

 วันนี้เรามาว่ากันต่อในเรื่องของนม ซึ่งก็เป็นปัญหาที่คาใจหลายๆคน เช่นทำไมน้องกินนมวัวแล้วตาย แอสบิแลคก็นมวัวทำไมกินแล้วดี

ทำไมกินนมแพะแล้วท้องเสีย เอ๊ะ โยเกิร์ตก็นมวัว ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?


                          ส่วนประกอบหลักๆของน้ำนมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนมคน นมวัว นมแพะ นมม้า หมี เสือ ชูก้าร์ กระรอก ว่าง่ายๆของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะ

มีส่วนประกอบหลัก คือ โปรตีน แยกเป็นเคซีน กับ เวย์   น้ำตาลแลคโตสหรือน้ำตาลนม ไขมันและแร่ธาตุต่างๆ

                          เคซีน เป็นโปรตีนหลักในน้ำนมมีสัดส่วนตั้งแต่ 60% ขึ้นไป มีสีขาวไปจนถึงขาวอมเหลือง

                          เวย์ โปรตีน จะว่าไปก็คือโปรตีนชนิดหนึ่งในน้ำนมซึ่งจะมีปริมาณน้อยตั้งแต่ 1-10% 

มีคุณสมบัติพิเศษคือร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ง่ายและแทบจะไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยเลย สมัยก่อนใช้ในอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ เพราะจะมี

เวย์โปรตีนเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก จากอุตสาหกรรม การทำเนยและชีส โดยการทำให้เคซีนในน้ำนมตกตะกอนเป็นเนยหรือชีส  แล้วไอ้น้ำใสๆส่วนเกินที่เหลือทิ้งนั่นแหละครับ

ปัจจุบันมีความพยายามนำเวย์โปรตีนมาใช้ในอาหารเสริมของมนุษย์ และสัตว์เลี้ยง โดยบวกค่าการตลาดและกำไรมากเกินงาม

แต่ที่ผมเคยเช็คราคามาเวย์โปรตีนที่ทางฟาร์มโคนมทางอีสานเค้าขายเพื่อเป็นอาหารเสริมของหมู ราคาเป็นกิโลนะครับ ขอย้ำเป็นกิโล อยู่ที่กิโลละ 22 บาท

ไม่ใช่ราคาชั่งเป็นกรัมอย่างที่ อาหารของชูการ์ยี่ห้อดังของต่างประเทศ เค้าขายในราคาแสนแพงนะครับ

                          น้ำตาลแลคโตส เป็นน้ำตาลที่มีอยู่เฉพาะในน้ำนม ปริมาณจะมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ประเภทของสัตว์แต่ละชนิด

กลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีปริมาณแลคโตสในน้ำนมสูง ได้แก่ คน วัว ควาย แพะ แกะ  ส่วนที่เหลือ หมาแมว ม้า ลา กระต่าย กระรอก ชูก้าร์

มีปริมาณแลคโตสในน้ำนมต่ำมาก น้ำย่อยที่สามารถย่อยแลคโตสได้ จะมีในสัตว์ที่อยู่ในช่วงระยะไม่หย่านมหรือลูกสัตว์ แต่ในสัตว์โต จะต้องอาศัยจุลลินทรีย์

ที่มีมากในลำไส้ มาเป็นตัวช่วยในการย่อย เพราะไม่มีน้ำย่อยแลคโตสนั่นเอง


                           หลังจากที่ทำความรู้จักกับองค์ประกอบหลักของนมไปแล้วเรามาดูกันต่อว่าในนมแต่ละชนิด มีข้อแตกต่างยังไงบ้าง


                           นมวัว มีปริมาณโปรตีนสูงมากแต่จะเป็น เคซีนที่มีโมเลกุลใหญ่มากๆ ย่อยยาก น้ำตาลแลคโตสสูง ถ้าน้ำมาให้กับลูกชูการ์หรือชูการ์โต ในปริมาณมากๆ

โอกาสที่จะเสียชีวิตคือ 100% เพราะว่าไม่สามมารถย่อยได้เลยทั้งเคซีนและ แลคโตส ก็จะทำให้น้ำนมค้างอยู่ในลำไส้ ตัวที่จะมาย่อยแทนน้ำย่อย ก็คือแบคทีเรียที่ไม่ดี

ทั้งหลายแหล่ จะเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว หรือเป็นอาการที่เรียกว่าแบคทีเรียบูม ทำให้แบคทีเรียในลำไส้ของน้องขยายตัวออกมาจนแน่นลำไส้ไปหมด

จนเสียชีวิตหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ท้องอืด


                           นมแพะ มีปริมาณโปรตีนและแลคโตสสูงมากมากกว่านมวัวเสียอีก แต่ในส่วนของเคซีน จะมีโมเลกุลขนาดเล็กกว่านมวัว 4-6 เท่าตัวทำให้ไม่เป็นปัญหา

ในระบบย่อยและการดูดซึมของสัตว์เล็ก แต่ตัวที่จะสร้างปัญหาได้ก็คือแลคโตสที่สูงมาก น้ำย่อยของลูกชูการ์ที่ร่างกายผลิตไม่สามารถย่อยได้ทัน ก็จะทำได้เกิดอาการท้องเสีย

แต่ถ้าเป็นเคสที่เลี้ยงผสมกับซีรีแลคค่อยๆให้จากปริมาณน้อยๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณ ก็จะทำให้แบคทีเรียในลำไส้ที่สามารถย่อยแลคโตสได้ ค่อยๆเพิ่มจำนวน

จนสามารถย่อยแลคโตสที่มีปริมาณมากๆได้ ว่าง่ายๆที่เรียกกันว่าปรับท้อง


                           นมทดแทนลูกสัตว์ ในที่นี้จะยกตัวอย่าง เอสบิแลคแล้วกันนะครับ เพราะเป็นตัวที่ทางฟาร์มใช้ป้อนลูกชูการ์อยู่ ผลิตมาจากนมวัวก็จริง

แต่ผ่านกระบวนการที่ปรับโครงสร้างโมเลกุลของเคซีนให้มีขนาดเล็กและปริมาณของแลคโตสให้อยู่ในปริมาณที่ต่ำ จึงเหมาะสมที่นำมาเลี้ยงลูกชูการ์

แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นอาหารเสริมของชูการ์ โต เพราะราคาค่อนข้างสูง
 โยเกิร์ต  เป็นอาหารที่ผลิตมาจากนมวัวเหมือนกันแต่ ข้อแตกต่างคือการ หมักนมวัวด้วยจุลลินทรีย์ ที่มีประโยชน์  ต่อร่างกายซึ่งจุลลินทรีย์ตัวนั้น

ก็คือ แลคโตบาซิสลัส เป็นตัวเดียวกันกับที่มีในยาคูลย์หรือนมเปรี้ยวทั่วไป ไอ้เจ้าแลคโตบาซิสลัสนี่เองที่เป็นตัวเข้าไปช่วยย่อยเคซีนที่มีโครงสร้างซับซ้อนให้เล็กลง

และก็ยังช่วยย่อย น้ำตาลแลคโตส ให้กลายเป็นน้ำตาลกาแลคโตส และกลูโคส ที่ร่างกายสามารถน้ำไปใช้ได้และจากกระบวนการย่อยแลคโตส ทำให้เกิดกรดแลคติก

ซึ่งทำให้โยเกิร์ตมีรสเปรี้ยว ไอ้เจ้ากรดแลคติกนี่ก็จะเข้าไปช่วยให้กระบวนการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ว่ากันเป็นภาษาชาวบ้านก็คือว่าการกินนมและ

โยเกิร์ตในปริมาณที่เท่ากัน ร่างกายได้รับประโยชน์จากโยเกิร์ตได้มากกว่านมค่อนข้างมาก

                            นอกจากนี้แล้วโยเกิร์ตยังจะช่วยปรับสมดุลย์ในลำไส้ เพราะเจ้าแลคโตบาซิสลัสจะเข้าไปฆ่าพวกแบคทีเรียไม่ดีต่างๆ รวมทั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ

และยังเข้าไปจับอยู่ที่ผนังลำไส้ ทำให้พวกเชื้อแบคทีเรียและปรสิตต่างๆ ไม่มีที่ยึดเกาะพอไม่มีที่ยึดเกาะก็ถูกกำจัดโดยจำแลคโตบาซิสลัสนั่นเอง แต่ในการเลือกซื้อโยเกิร์ตมาให้น้องๆกิน

นั้นควรเลือกรสธรรมชาติ เพราะกระบวนการปรุงรสแตงกลิ่น ทำให้เชื้อจุลลินทรีย์ที่มีชีวิตต้องตายไปอย่างมโหราน ทำให้ประโยชน์ที่ควรจะได้ลดลงไป

เห็นกันแล้วใช่มั้ยครับว่าโยเกิร์ตมีประโยชน์ เพียงไร   วันนี้คุณให้ลูกๆกินโยเกิร์ตรึยัง


ติดตามสาระน่ารู้ได้ที่นี่นะจ๊ะ  
http://board.thaipetonline.com/index.php/board,131.0.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น